November 6, 2021
กระเบื้อง ถือเป็นส่วนสำคัญของบ้าน เพราะไม่ว่าจะไปส่วนใดของบ้าน เราจะเห็นกระเบื้องอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นพื้นหรือผนัง ดังนั้น การปูกระเบื้อง จึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะหากปูกระเบื้องไม่ดี อาจเกิดการแตก ร้าว ไม่สม่ำเสมอและเกิดอุบัติเหตุได้เลยทีเดียว เมื่อพูดถึงการปูกระเบื้อง หลาย ๆ คนอาจคิดว่ายาก ต้องจ้างช่างรับเหมามาทำถึงจะออกมาเนี้ยบ แต่จริง ๆ แล้ว การปูกระเบื้องไม่ยากอย่างที่คิดครับ วันนี้ A-Decor มีวิธีการปูกระเบื้องง่าย ๆ แม้ไม่มีประสบการณ์ก็สามาถทำได้ด้วยตัวเอง
https://www.youtube.com/watch?v=ho4jseaHNlU
การปูกระเบื้องด้วยตัวเอง จะต้องมีการเตรียมตัว เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ให้ครบถ้วน เพื่อความสะดวกและง่ายในการทำงาน รวมถึงต้องเตรียมสถานที่ให้พร้อม ซึ่งในการปูกระเบื้อง มีสิ่งที่ต้องเตรียม ดังนี้
1. แผ่นกระเบื้อง ต้องคำนวณขนาดกระเบื้องกับพื้นที่ที่จะปูและจำนวนให้ดี เพื่อไม่ให้ขาด/เหลือ และวางกระเบื้องได้ลงตัว สวยงาม และที่สำคัญต้องเลือกประเภทกระเบื้องให้เหมาะสมกับการใช้งาน อย่าง กระเบื้องปูพื้นและกระเบื้องปูผนัง จะมีคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันนั่นเอง
2. เครื่องมือ หลัก ๆ ที่จะใช้ในการปูกระเบื้อง ได้แก่ เกรียงหวี ค้อนยาง ถังผสมปูน (ใช้สำหรับผสมปูนกาวเข้ากับน้ำ) และอุปกรณ์ช่วยปรับระดับกระเบื้อง
3. วัสดุสำหรับติดตั้ง ในการปูกระเบื้อง ได้แก่ กาวปูนซีเมนต์ และยาแนว
4. สถานที่ ต้องเตรียมให้พร้อม โดยตรวจสอบสภาพพื้นผิวให้เรียบ ปรับความลาดเอียงให้เสมอกัน ไม่มีการยุบตัวของพื้นที่
วิธีการปูกระเบื้อง สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีจะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน สำหรับวิธีที่ช่างนิยมใช้ จะมี 3 วิธี นั่นก็คือ การปูกระเบื้องแบบซาลาเปา การปูกระเบื้องแบบกึ่งเปียก ซึ่งเป็นวิธีการปูกระเบื้องแบบผิด ๆ ที่ไม่ควรทำ และการปูกระเบื้องแบบใช้กาวซีเมนต์ (ปูนกาว) ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกต้อง ลองมาดูเหตุผลกันเลยครับ ว่าทำไมการปูกระเบื้องถึงมีทั้งวิธีที่ทั้งควรทำและไม่ควรทำ
เป็นการนำปูนซีเมนต์ที่ผสมน้ำแล้ว มาแปะบนหลังกระเบื้องเป็นก้อน ๆ เหมือนซาลาเปา จากนั้นนำกระเบื้องไปแปะบนพื้น/ผนัง แล้วใช้ค้อนยางเคาะ ๆ เพื่อให้ปูนกระจายตัว
ข้อเสีย : กระเบื้องหลุดกร่อน แตกง่าย เพราะปูนไม่เต็มแผ่น โดยเฉพาะช่วงขอบ ๆ กระเบื้อง เมื่อเคาะแล้วจะมีเสียงโปร่ง ๆ ไม่แน่น
ทำไมถึงเป็นที่นิยม : วิธีการปูกระเบื้องแบบนี้ง่ายและสะดวกที่สุด ใช้เวลาไม่มาก ทำให้ปูได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
เป็นการปรับระดับพื้นผิวพร้อมปูกระเบื้องไปในตัว โดยการนำปูนซีเมนต์ ทราย น้ำ ผสมเข้าด้วยกันให้ได้สัดส่วนที่พอดีแล้วนำไปเทปรับพื้นให้ได้ระดับที่ต้องการ จากนั้นนำกระเบื้องวางลงไปเลยโดยไม่ต้องรอให้ปูนแห้ง แล้วใช้ค้อนยางเคาะจนได้ระดับที่ต้องการ ช่างบางคนก็จะเรียกวิธีนี้ว่า ปูแบบขุยหนู
ข้อเสีย : กระเบื้องหลุดร่อนง่าย และอาจเกิดการยุบหรือขยายตัวของปูนทรายที่เทปรับพื้นได้ ทำให้กระเบื้องหลุด แตกได้ง่าย
ทำไมถึงเป็นที่นิยม : รวดเร็วและสะดวก สามารถปูกระเบื้องพร้อมกับปรับพื้นได้เลย ไม่เสียเวลามากนัก
ทั้ง 2 วิธีนี้เป็นวิธีที่ผิด ที่ไม่ควรปูครับ เพราะจะทำให้กระเบื้องที่ปูมีโอกาสหลุดร่อนได้ง่าย ไม่ทนทานในระยะยาว
การปูกระเบื้องแบบใช้กาวซีเมนต์ (ปูนกาว)
วิธีการปูกระเบื้องแบบนี้จะต้องทำการเทปรับพื้นให้เรียบได้ระดับก่อน โดยต้องเผื่อความหนาไว้สำหรับความหนาของกระเบื้องและความหนาของกาวซีเมนต์ ประมาณ 3-5 มิลลิเมตร จากนั้นทำการผสมปูนกาว โดยใช้น้ำตามอัตราส่วนที่กำหนดไว้ ผสมให้เข้ากัน จากนั้นรอให้เคมีบ่มตัวเล็กน้อย แล้วก็นำไปปาดลงบนพื้น/ผนัง และหลังกระเบื้อง
ข้อดี : การเตรียมส่วนผสมไม่ยุ่งยาก เพราะปูนกาวเป็นแบบผสมสำเร็จรูปมาจากโรงงาน ค่าการยึดเกาะสูง ทนทาน ไม่หลุดร่อนง่าย ไม่มีปัญหาการยุบตัว สามารถใช้ปูทับบนพื้นผิวได้หลากหลาย เช่น ซีเมนต์ คอนกรีต พลาสติก PVC ไม้ หรือแม้กระทั่งกระเบื้องเก่า
ทำไมถึงไม่เป็นที่นิยม : ช่างส่วนใหญ่ไม่ชำนาญ เพราะเป็นวิธีใหม่ และต้องใช้เวลาในการปูพื้นให้ได้ระดับก่อนถึงจะปูกระเบื้องได้
เพื่อให้กระเบื้องใช้งานได้ยาวนาน มีความทนทาน ไม่หลุดร่อนง่าย แนะนำให้ใช้วิธีปูกระเบื้องแบบใช้กาวซีเมนต์ (ปูนกาว) ครับ แม้ว่าจะใช้เวลาและมีขั้นตอนในการปูสักหน่อย แต่เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไม่เสียเวลา เสียความรู้สึก และไม่เสียเงินซ่อมแซมในอนาคต วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดและคุ้มค่าเหนื่อยแน่นอนครับ
เมื่อเตรียมวัสดุอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มปูกระเบื้องกันเลย ครั้งนี้เราจะเลือกวิธีการปูกระเบื้องแบบใช้กาวซีเมนต์ (ปูนกาว) เพราะว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ถูกต้องและกระเบื้องที่ปูจะมีความทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน ซึ่งในปัจจุบันการปูแบบใช้กาวซีเมนต์ (ปูนกาว) ก็ทำได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น คนไม่มีประสบการณ์ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เลย โดยขั้นตอนการปูกระเบื้องง่าย ๆ ด้วยตัวเองมีเพียง 6 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 เตรียมพื้นผิวให้เรียบร้อย กำจัดเศษวัสดุ สิ่งสกปรกต่าง ๆ ให้สะอาด ตรวจสอบพื้นผิวให้เรียบเสมอกัน ต้องไม่ให้มีหลุมหรือมีจุดนูน
ขั้นตอนที่ 2 สำหรับมือใหม่ ควรลองวางกระเบื้องให้เต็มพื้นที่เพื่อกะแนวการวางก่อน ใครที่ชินแล้วข้ามข้อนี้ได้เลยครับ
ขั้นตอนที่ 3 เตรียมปูนสำหรับปูกระเบื้อง สำหรับปูนกาวสำเร็จรูปสามารถผสมน้ำตามส่วนผสมที่ระบุไว้ คนให้เข้ากันและใช้งานได้ทันที
ขั้นตอนที่ 4 นำปูนกาวที่ผสมแล้วบางส่วนเทลงพื้นแล้วใช้เกรียงหวีปาดกาวให้เป็นทางยาวประมาณ 1-2 ตร.ม. ความหนาของปูนตามร่องของเกรียงหวี หากกระเบื้องแผ่นใหญ่ให้นำปูนปาดและเกลี่ยบริเวณหลังกระเบื้องให้ทั่ว เพื่อให้มั่นใจว่าปูนจะติดทั่วแผ่น ไม่มีช่องว่างอากาศหลังปูกระเบื้องเสร็จ
ขั้นตอนที่ 5 นำกระเบื้องวางลงบนปูนกาวแล้วใช้ค้อนยางทุบเบา ๆ ให้ได้ระดับที่ต้องการ ก่อนปูแผ่นต่อไปต้องเว้นระยะสำหรับยาแนว 2-3 มิลลิเมตร ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ทีละแผ่นจนเต็มพื้นที่ อาจใช้อุปกรณ์ช่วยปรับระดับกระเบื้องร่วมด้วย เป็นตัวช่วยเช็คให้กระเบื้องทุกแผ่นเสมอกัน (หากปูกระเบื้องไปแล้ว ต้องการปรับแนวกระเบื้อง สามารถทำได้ภายใน 15-20 นาที ก่อนปูนแห้ง) อย่าลืมเช็ดคราบปูนที่กระเด็นติดกระเบื้องให้สะอาดก่อนปูนแห้งด้วยนะครับ
ขั้นตอนที่ 6 เมื่อปูกระเบื้องเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมงเพื่อให้ปูนแห้งสนิท จากนั้นลงยาแนวกระเบื้องตามร่องที่เว้นระยะไว้ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
การปูกระเบื้องในแต่ละพื้นที่อาจมีวิธีทีการปูกระเบื้องที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกประเภทวัสดุของกระเบื้องให้เหมาะสมต่อการใช้งาน ถ้าหากเลือกประเภทกระเบื้องไม่เหมาะสมกับการใช้งาน อาจทำให้กระเบื้องเสื่อมสภาพไว แตกร่อนง่าย ไม่ทนทานเท่าที่ควร
พื้นที่บริเวณห้องนอนและห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่ที่ไม่ถูกน้ำ ถูกฝน จึงไม่ต้องการกระเบื้องที่ทนน้ำมากนัก แต่ยังต้องการความทนทาน เพราะเป็นพื้นที่ที่ใช้สอยบ่อย อาจเลือกเป็น กระเบื้องยาง เพราะมีคุณสมบัติกันน้ำกันไฟ ทนต่อแรงกดทับ และมีความยืดหยุ่นสูงไม่แตกหักง่าย และปูง่ายด้วยครับ
พื้นที่ห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่เปียกตลอดเวลา การปูกระเบื้องจะต้องระวังเป็นพิเศษ ก่อนปูกระเบื้อง ควรทาน้ำยากันซึมบริเวณที่มีแนวโน้มการเกิดการรั่วซึมบ่อย เพื่อให้มั่นใจว่าพื้นห้องน้ำจะไม่เกิดการรั่วซึมแน่นอน หลังจากน้ำยาแห้งแล้ว ก็เริ่มปูกระเบื้องได้เลย
กระเบื้องที่เลือกใช้ ควรเป็นกระเบื้องที่มีความหยาบ ไม่ลื่น เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ควรหยาบมากเพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่าย อาจเลือกเป็น กระเบื้องแกรนิตโต้ เพราะเป็นกระเบื้องที่มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ ทำให้ไม่เกิดคราบหรือรอยเปื้อนฝังในผิวกระเบื้องได้ง่าย และเนื่องจากมีส่วนผสมของหินแกรนิต จึงมีจุดเด่นที่ความแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้มาก และทนทานต่อการเกิดรอยขีดข่วน
ห้องครัวเป็นพื้นที่ที่ต้องระวังทั้งน้ำและไฟ แต่อาจไม่เปียกหนักเท่าห้องน้ำ จุดสำคัญคือต้องทำความสะอาดง่าย และควรเลือกเป็นกระเบื้องแผ่นใหญ่ที่มีขอบตัดเพื่อลดช่องว่างของยาวแนวกระเบื้อง เพราะเป็นจุดที่มักจะมีปัญหาเกิดคราบได้ง่าย
กระเบื้องที่แนะนำ จะเป็นกระเบื้องเซรามิค เพราะมีคุณสมบัติทนต่อความร้อน เช็ดล้างขัดทำความสะอาดได้สะดวก และ กระเบื้องแกรนิตโต้ เพราะเป็นกระเบื้องที่มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ และทนทานมาก อีกทั้งยังมีพื้นผิวที่ดูสวยงามอีกด้วย
หลังจากปูกระเบื้องเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการเช็คงานหรือตรวจสอบความเรียบร้อยของกระเบื้องที่เราปูไปนั่นเอง ซึ่งมีวิธีการตรวจเช็คง่าย ๆ ดังนี้
1. ตรวจการปูกระเบื้อง - จุดแรกที่ต้องตรวจสอบคือโพรงอากาศใต้แผ่นกระเบื้อง ให้เคาะที่แผ่นกระเบื้องโดยเฉพาะบริเวณขอบ ๆ หากเคาะแล้วมีเสียงก้อง หมายความว่ามีปูนไม่เต็มแผ่นกระเบื้องนั่นเอง
2. ตรวจดูระดับของกระเบื้อง - ระดับของกระเบื้องควรเท่ากัน ไม่มีแผ่นใดสูงแผ่นใดต่ำ จุดนี้หากใช้อุปกรณ์ช่วยปรับระดับกระเบื้องตอนที่ปูกระเบื้อง จะช่วยลดปัญหานี้ไปได้
3. ตรวจร่องระหว่างกระเบื้อง - ตรวจเช็คการลงยาแนวระหว่างกระเบื้องว่าได้ลงยาแนวเต็มร่องกระเบื้องหรือไม่
4. ตรวจสอบพื้นที่ลาดเอียง - สำหรับพื้นที่แห้ง ให้ใช้ลูกแก้วหรือลูกปิงปองวางที่กระเบื้อง หากลูกแก้วกลิ้ง หมายความว่าพื้นมีความลาดเอียงนั่นเอง หากลูกแก้วไม่กลิ้งแสดงว่าพื้นได้ระดับดี สำหรับพื้นที่ที่มีท่อระบายน้ำหรือพื้นที่เปียก ให้ลองเทน้ำดูเพื่อดูว่าน้ำจะไหลลงจุดที่ต้องการหรือไม่
ปัญหาที่พบหลังจากการเช็คกระเบื้อง สามารถป้องกันได้ หากปูกระเบื้องตามวิธีการปูกระเบื้องที่แนะนำอย่างถูกต้อง ก็จะไม่มีปัญหาเหล่านี้มากวนใจและกระเบื้องที่ปูก็จะมีความแข็งแรง ทนทาน ใช้ได้นานครับ
จะเห็นว่าวิธีการปูกระเบื้องไม่ยากอย่างที่คิด เพราะปัจจุบันมีวัสดุสำเร็จรูปและอุปกรณ์หลากหลายชนิด ที่ช่วยให้งานปูกระเบื้องง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตาม หากต้องปูกระเบื้องพื้นที่กว้าง ๆ การจ้างช่างมืออาชีพอาจเป็นทางเลือกที่สะดวกและประหยัดเวลาได้มากกว่า หากใครต้องการปูกระเบื้อง มองหากระเบื้อง หรือต้องการช่างมืออาชีพ สามารถปรึกษา A-Decor ได้เลยครับ
นึกถึงกระเบื้อง นึกถึง A-decor ศูนย์รวมกระเบื้องทุกแบบ ทุกลาย มีให้เลือกทุกความต้องการ พร้อมการบริการแบบ One stop service ไม่ว่าจะเป็น แหล่งรวมกระเบื้อง ให้คำปรึกษา และติดต่อช่างติดตั้ง ที่เดียวครบ จบเรื่องงานกระเบื้อง
Please leave us a message or chat with us via Line